เพื่อนใจ (รวม100นักกลอน กับ เบื่องหลังชุมนุมกลอนชาวบ้าน พ.ศ.2504) พิมพ์โดยบริษัทประชาช่างจำกัด พ.ศ.2506
หนังสือสภาพสวย พร้อมใบหุ้มปก ใบหุ้มปกด้านหลังเห็นรอยย่นยับได้ค่อนข้างชัด เป็นรอยยับจากการจัดเก็บ ที่ครั้งเดิมใส่ใบหุ้มปกไว้ไม่พอดีเล่ม ที่ใบรองปกหน้ามีกลอน 'เจ้าพระยา' ของเจ้าของผู้ซึ่งลงลายมือชื่อไว้ด้วยหมึกสีม่วง และท่านนี้ยังเป็นผู้แก้ไขเนื้อหาบางตำแหน่งในเล่มนี้ด้วย พิจารณาแล้ว คงเป็นผู้ที่ใกล้ชิดด้านใดด้านหนึ่งกับเนื้อความในเล่มนี้แน่
ผู้ทำหนังสืออธิบายชื่อหนังสือ"เพื่อนใจ" ว่า 'หมายเอาแต่เพียงว่า "ข้อเขียนของใคร ก็เป็นเพื่อนใจของคนนั้น หรือถ้ามีโอกาสเป็นเพื่อนใจของคนอื่นเข้าด้วย นั่นคือความสมบูรณ์ของคำว่า "เพื่อนใจ" " '
เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกลอนจากกวีร้อยคน บางท่านที่คุ้นเคยบ้าง ได้แก่ ม.จ.พูนพิสมัย ดิศกุล (เรื่อง'ศาสนา', 'พระมหากษัตริย์', 'รัฐธรรมนูญ'); จินตนา.ปิ่นเฉลียว (เรื่อง 'หิว'); ภิญโญ.ศรีจำลอง (เรื่อง 'บิลเลียดชีวิต') เป็นต้น
นอกจากนี้ ส่วนหลังของเล่ม ยังมีการบันทึกการประชันกลอนสด (ชุมนุมกลอนชาวบ้าน) ทางไทยที.วี.ช่อง4 อันแต่ละนัดมีกรรมการสามคนและพิธีกรหนึ่งคนเป็นผู้ออกกระทู้ให้ผู้ประชันแต่งกลอนสดเป็นเวลา5นาที เป็นการจับคู่ประชันกัน มีถึง9นัด ตั้งแต่ 3มกราคม พ.ศ.2504 ถึง [น่าจะ] ตุลาคม พ.ศ.2504
ในรอบชิงชนะเลิศน.ส.จินตนา.ปิ่นเฉลียวประชันกับภิญโญ.ศรีจำลอง และนักประพันธ์วรรณกรรมแนวลึกลับตื่นเต้น
จินตนา.ปิ่นเฉลียวก็เป็นผู้ชนะ2ยกซ้อน (น่าจะตั้งไว้2ใน3) ได้รับถ้วยทองคำหนัก5บาท ยกที่1ในกระทู้ "ความรักเป็นเพียงส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของผู้ชาย แต่ (ความรัก) เป็นทุกสิ่งทุกอย่างแห่งชีวิตของผู้หญิง" (จากคำกล่าวของลอร์ด.ไบรอน) ส่วนยกที่2ในกระทู้ ให้ถอดโคลองต่อไปนี้เป็นกลอน;
วาววาบบ่ใช่เนื้อ คำดี ทั่วนา
ภาษิต ย่อมเคยมี สบโสต
บางคนวอดชีวี แลกเปลือก นอกนอ
ภายนอกสีรุ่งโรจน์ แต่ข้างในหนอน
ในเล่มยังกล่าวว่า '...การประชันทางร้อยกรองครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งในวงการร้อยกรองแห่งเมืองไทย หนังสือพิมพ์สยามสมัย ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์มาตรฐานในทางร้อยกรองบันทึกไว้ว่า "การประชันฝีปากทางร้อยกรอง ต่อหน้าสาธารณชน นับตั้งแต่เริ่มสมัยประชาธิปไตยมา เชื่อได้ว่า
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่และไพศาลที่สุด หรือถ้าจะรวมไปถึงการประชันฝีปากทางร้อยกรองต่อหน้าพระที่นั่ง ไม่ว่ายุครัตนโกสินทร์ตอนต้น, ยุคกรุงศรีอยุธยา, หรือยุคนางนพมาศครั้งสุโขทัยเป็นราชธานีก็ตาม จะว่ายิ่งใหญ่ก็ไม่เท่าครั้งนี้ จึงพูดได้อีกโสดหนึ่งว่า
เป็นการประชันฝีปากทางร้อยกรองซึ่งไพศาลที่สุด แห่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรมทางภาษา อันเป็นมายาวนานของชาติไทย..." '